หากคุณจุกลิ้นปี่อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน
.
หลายคนมีอาการจุกแน่นลิ้นปี่และคิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายเอง แต่เมื่อเป็นบ่อย ๆ มากเข้า ก็เริ่มรำคาญ และอาจรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบหาสาเหตุและหาทางรักษาให้เร็วที่สุด โดยทั่วไป อาการจุกแน่นลิ้นปี่ หรือแน่นท้องตลอดเวลา อาจมาได้จากหลายสาเหตุ เช่น
.
1. กรดไหลย้อน : เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่บริเวณหลอดอาหาร ทำให้รู้สึกเจ็บหน้าอก และจุกแน่นลิ้นปี่ ได้
.
2. การกินอาหารมากเกินไป : ทำให้กระเพาะไม่สามารถย่อยอาหารได้ทัน จึงเกิดจุลินทรีย์ขึ้นในกระเพาะมากเกินปกติ และทำให้เกิดแก๊สมากขึ้นจนดันลิ้นปี่ ทำให้รู้สึกจุกแน่น ตลอดเวลา
.
3. ดื่มเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป : ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ และเกิดแก๊สดันขึ้นมา จนรู้สึกจุกแน่นที่ลิ้นปี และแน่นท้อง
.
4. ในบางครั้ง ภาวะจุกแน่นลิ้นที่และแน่นท้อง อาจพบได้ในหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากขนาดของทารกที่ใหญ่ขึ้น จนไปเบียดกระเพาะอาหาร ทำให้ย่อยอาหารได้ยากขึ้น อีกทั้งฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงทำให้เกิดอาการแน่นที่บริเวณลิ้นปี่และช่องท้อง รวมถึง แสบร้อนที่กลางอกได้
.
5. การเกิดแก๊สที่กระเพาะอาหารมากผิดปกติ : ซึ่งมาได้จากหลายสาเหตุ เช่น การกินอาหารที่ย่อยยาก พวก ถั่ว ผักจำพวกกระหล่ำ หรืออาหารที่มีแล็คโตส
.
6. เป็นโรคบางชนิด เช่น โรคเกี่ยวกับปอด ทำให้หายใจไม่สุด โรคหัวใจ ทำให้รู้สึกจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ หรือโรคกล้ามเนื้อบริเวณอกอักเสบ ดังนั้นหากอยากแก้อาการจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่และท้องให้หายขาด ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ได้แก่
.
7. ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก เช่น พวกคาร์โบไฮเดรต เนื้อสัตว์ อาหารจำพวกถั่ว ผักกระหล่ำ หัวหอม หรืออาหารที่มีองค์ประกอบของแล็คโตส ที่จะทำให้เกิดแก๊สขึ้นในกระเพาะอาหารได้ง่าย
.
8. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม หรือน้ำหวานผสมโซดา ทุกชนิด เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดแก๊สขึ้นในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของการจุกแน่นลิ้นปี่และบริเวณท้องได้
.
9. ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน และควรดื่มตลอดวัน ไม่ควรดื่มรวดเดียวในปริมาณมาก ๆ เพราะอาจเกิดอาการท้องอืด ขึ้นได้
.
10. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด ที่จะไปกระตุ้นให้เกิดอาการแสบร้อนในกระเพาะ และเกิดแก๊สจนดันให้เกิดการจุกแน่นลิ้นปี่และท้องได้
.
11. หากเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ลำไส้ หรือกรดไหลย้อน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทานยาให้หายขาด
.
12. หากเป็นโรคอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด ก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วที่สุด